- knowledge -

🐱 เรื่องน่ารู้ ในวันแมวเหมียวของญี่ปุ่น 🐱

          ใครชอบแมวเหมียวกันบ้างคะ ยกมือขึ้นนน พี่ดิจิก็ชอบเหมือนกันค่ะ ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู ของเค้า แล้วก็มีนิสัยขี้เล่น ซุกซน ฉลาด ไม่มีพิษภัย และขนที่ดูนุ่มๆ ชวนให้เข้าไปลูบเล่นซะจริง จึงไม่น่าแปลกใจ ที่หลายๆ คนจะหลงรักน้องเหมียว และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนทั่วโลกเลยค่ะ
          ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันแล้วก็เอาใจใส่ทุกๆ อย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องของแมวก็เช่นกันค่ะ ในปี ค.ศ. 1987 สมาคม Japan Pet Food ในประเทศญี่ปุ่นได้ทำการโหวตให้มีการจัดตั้ง “วันแมวญี่ปุ่น” หรือ 猫の日 (Neko No Hi) ขึ้นมา เนื่องจากคนญี่ปุ่นได้ยินเสียงร้องของแมวว่า “เนียะ เนียะ เนียะ” ซึ่งไปคล้ายกับเสียง Ni (นิ) ที่แปลว่า เลข 2 ในภาษาญี่ปุ่น เมื่อนำมาเรียงกันก็จะได้เป็นวันที่ 22 เดือน 2 พอดี จึงกำหนดให้วันนี้ของทุกปีเป็น “วันแมวญี่ปุ่น” นั่นเองค่ะ (ซึ่งหลักการคำที่มีเสียงพ้องกับตัวเลขยังนำไปใช้ตั้งวันอื่นๆ อีกเยอะเลยค่ะ)
          สำหรับในวันแมวนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีพิธีหรือการเฉลิมฉลองเป็นเรื่องเป็นราว แต่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ให้ความสำคัญกับวันนี้กันอย่างแพร่หลาย จึงจะเห็นว่าในวันนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์น่ารักๆ มาวางจำหน่ายเฉพาะช่วงนี้กันอย่างเนืองแน่น ทั้งกระเป๋าสะพาย เข็มกลัด ของใช้ ของสะสม ของที่ระลึกต่างๆ ฝั่งของกินก็จะมีขนม คุกกี้ เครื่องดื่มสูตรพิเศษ ซึ่งทั้งหมดก็จะมาในธีมของน้องแมวสุดน่ารัก สำหรับคนที่เลี้ยงน้องเหมียว ก็สามารถนำเจ้านายไปร่วมกิจกรรมต่างที่จัดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ได้ด้วย
          ซึ่งสำหรับคนญี่ปุ่นนั้นมีความผูกพันกับแมวมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ทำให้แมวเหมียวได้แทรกซึมอยู่ในประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าอยู่ตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีเลย คือ “แมวกวัก” หรือ ที่เรียกว่า “มาเนกิเนะโกะ” (Maneki Neko) ที่มีเรื่องเล่าตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ ว่ามีชายผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ขณะกำลังหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ที่อยู่ในสวนของวัดแห่งหนึ่ง ได้เห็นแมวที่อยู่ในวิหารทำท่าทางกวักมือเรียกเขาเข้าไปหา ชายคนนี้ตัดสินใจตามแมวตัวนั้นไป ทันใดนั้นก็มีฟ้าผ่าลงมาตรงต้นไม้ที่ชายคนนั้นเพิ่งจะเดินออกมา ด้วยเหตุนี้ เขาที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นหนี้ชีวิตของแมวตัวนี้ เขาจึงตัดสินใจบริจาคเงินให้กับวัดเป็นจำนวนมาก ทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก และได้สร้างรูปปั้นแมวไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย
          อีกเรื่องหนึ่งก็เล่ากันว่า มีหญิงชราคนหนึ่งฐานะยากจนข้นแค้น หญิงชราคนนี้ได้เลี้ยงแมวอยู่ตัวหนึ่ง แต่ด้วยความยากจนจึงไม่สามารถเลี้ยงต่อไปได้ ต้องปล่อยไปด้วยความโศกเศร้า คืนวันหนึ่ง หญิงชราได้ฝันว่ามีแมวมาบอกให้ปั้นรูปปั้นแมวที่มีลักษณะยกมือหนึ่งข้างขึ้นมาทำท่ากวัก แล้วจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น วันรุ่นขึ้นหญิงชราไม่รอช้าปั้นรูปปั้นแมวตามนั้น เมื่อมีคนมาเห็นก็ขอซื้อรูปปั้นแมวไป ต่อมาเมื่อหญิงชราปั้นตัวใหม่ขึ้นมาอีกก็มีคนมาขอซื้อไปอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยไป จนฐานะของหญิงชราดีขึ้นอย่างมาก และสามารถรับแมวตัวที่เคยปล่อยไปกลับมาเลี้ยงได้เหมือนเดิมอีกครั้ง จากเรื่องเล่าดังกล่าวทำให้คนเชื่อว่า “แมวกวัก” เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและเงินทอง เราจึงเห็นตามร้านค้าหรือกิจการต่างๆ นิยมนำแมวกวักมาวางไว้ เพื่อเรียกลูกค้าเข้ามานั่นเองค่ะ (คล้ายๆ กับความเชื่อเรื่องนางกวักของบ้านเรา)
          ไม่เพียงเท่านั้นค่ะ ในปัจจุบันคนญี่ปุ่นก็ยังมีการสร้างเรื่องราวให้กับแมวอยู่เสมอ อย่างเรื่องราวของ “เหมียวทามะ” ที่กลายมาเป็น นายสถานีรถไฟ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ที่มาของเรื่องนี้เกิดจาก ขบวนรถไฟสาย Kishigawa ในจังหวัดวาคายามะ ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นที่กำลังประสบภาวะขาดทุน เจ้าของบริษัทรถไฟขบวนนี้จึงได้เปิดเป็นธุรกิจสาธารณะ เพื่อหาคนมารับช่วงต่อโดยไม่ต้องเลิกกิจการ ทำให้เจ้าเหมียวทามะ ที่เป็นแมวที่อาศัยอยู่ในบ้านแมวของร้านข้างสถานี Kishi ได้รับผลกระทบไปด้วย (จากการที่พื้นที่สถานีกลายเป็นพื้นที่สาธารณะ ทำให้ไม่สามารถตั้งบ้านแมวต่อได้) ภรรยาเจ้าของร้านข้างสถานีจึงอุ้มเจ้าทามะไปหาคุณโคจิมะ มิตสึโนบุ ประธานบริษัทรถไฟในตอนนั้น เมื่อได้เห็นเจ้าทามะ ประธานโคจิมะก็เกิดความคิดที่ว่า “ถ้าเจ้าทามะเป็นนายสถานีจะเป็นยังไงนะ” จากนั้นเขาจึงแต่งตั้งเจ้าทามะ เป็นนายสถานีที่เป็นแมวตัวแรกของโลก เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2007
          ผลจากการแต่งตั้งเจ้าทามะนั้นเกินคาด ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู และเป็นมิตร รวมถึงภาพเจ้าทามะในชุดนายสถานีสุดเท่ห์ ได้แพร่ไปตามสื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้รถไฟสายนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อจะมาเยี่ยมเจ้าทามะกันอย่างไม่ขาดสาย ชุบชีวิตให้กับรถไฟสายนี้อย่างก้าวกระโดด เพียงแค่ปีแรกของการแต่งตั้งเจ้าทามะก็สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.1 พันล้านเยนเลยทีเดียว
          แต่น่าเศร้าค่ะที่ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2015 นายสถานีทามะได้เสียชีวิตลงเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แฟน ๆ กว่า 3000 คนได้เข้าร่วมงานศพที่จัดโดยบริษัท มีสื่อรายงานข่าวนี้อย่างมากเช่นกัน และมีการตั้ง "ศาลเจ้าทามะ" ขึ้นที่สถานี Kishi เพื่อระลึกถึงเจ้าเหมียวทามะนี้ด้วยค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็มี “เหมียวนิทามะ” เป็นนายสถานีรุ่นที่สองต่อจากเจ้าทามะแล้ว และยังมี “เหมียวยอนทะมะ” ที่สถานี Idakiso คอยวนเวียนมาทำหน้าที่นายสถานี Kishi ด้วยเช่นกัน
          ไม่เพียงแต่เรื่องของเจ้าเหมียวทามะเท่านั้นค่ะ ยังมีเรื่องราวของเกาะ Ainoshima Island ที่เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีแมวเหมียวมากกว่า 100 ตัว อยู่อาศัยอย่างอิสระทั่วทั้งเกาะ เรียกว่าเป็น สวรรค์ของคนรักแมวที่ต้องไปเยือนสักครั้งให้ได้เลย เกาะที่ว่านี้ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ฟุกุโอกะ (Fukuoka) โดยมีประชากรเพียง 300 กว่าคนอาศัยอยู่บนเกาะร่วมกับเหล่าแมวเหมียวหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งเจ้าเหมียวทั้งหลายแม้จะเป็นแมวที่ไม่มีเจ้าของ แต่ก็มีนิสัยขี้อ้อนไม่หวาดกลัวผู้คน ทำให้ผู้คนต่างแวะเวียนเข้าไปเที่ยวเกาะนี้อยู่เสมอ ทั้งเพื่อถ่ายรูป สัมผัสบรรยากาศ และอาหารการกินที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติของผู้คนบนเกาะอีกด้วย
          ทั้งนี้นอกจาก "วันแมวญี่ปุ่น" แล้ว ยังมี “วันแมวโลก” ที่ตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม อีกด้วยค่ะ เป็นการย้ำว่าแมวเหมียวนี้ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนในโลกก็ต่างหลงรักในความน่ารักของเค้ากันทั้งนั้น ซึ่งจากสถิติระบุว่าประเทศที่มีการเลี้ยงแมวมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรแมวเลี้ยงมากกว่า 74 ล้านตัว รองลงมาคือจีน รัสเซีย บราซิล และฝรั่งเศส ส่วนในประเทศไทย จากสถิติในปี 2559 โดยสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ ระบุว่ามีประชากรแมวกว่า 3 ล้านตัว ส่วนถ้านับเฉพาะในกรุงเทพฯ จะมีแมวมากกว่า 4.1 แสนตัว จึงสามารถบอกได้เลยว่า แมวเป็นสัตว์ที่เหมือนจะขาดไม่ได้สำหรับมนุษย์อย่างเราไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
Tag: #สาระเลี้ยงลูก #เลี้ยงลูกอย่างไร #digitalkids#ของเล่นฝึกทักษะ #ของเล่นเด็ก #วันแมวเหมียว